รายละเอียดทัวร์ทิเบต
ดาวน์โหลดโปรแกรมทัวร์| วันที่เดินทาง | ราคา |
| **มิ.ย.67** 24–30 | 50,999 |
| **มิ.ย.67** 10–16 / 17–23 | 51,999 |
| **มิ.ย.67** 03–09 **ต.ค.67** 14–20 | 52,999 |
| **ก.ย.67** 02–08 / 09–15 / 16–22 / 23–29 | 53,999 |
วันที่ 1 สนามบินสุวรรณภูมิ
17.30 น. พร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ นำคณะเชคอิน ณ เคาน์เตอร์ สายการบินลัคกี้แอร์ (8L) โดยมีเจ้าหน้าที่จากบริษัทฯ คอยอำนวยความสะดวก
20.25 น. ออกเดินทางสู่ เมืองเฉิงตู ประเทศจีน โดยเที่ยวบินที่ 8L812 (ไม่มีบริการอาหารบนเครื่อง)เรื่อ
** เวลาบินอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาสอบถาม หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนทุกครั้งก่อนทำการออกตั๋วภายใน **
วันที่ 2 สนามบินเฉิงตูเทียนฟู่ – เมืองเฉิงตู – สนามบินลาซ่าก้งก๋า (เที่ยวบินภายใน) – เมืองลาซา
00.05 น. เดินทางถึง สนามบินเฉิงตูเทียนฟู่ หลังผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง และตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ สาธารณรัฐประชาชนจีน (เวลาท้องถิ่นที่จีน เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง กรุณาปรับเวลาของท่านเพื่อความสะดวกในการนัดหมาย) และนำท่านเข้าสู่ที่พัก
จากนั้น พักที่ JOYHUB CHEER HOTEL หรือระดับเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน (เที่ยวบินภายในประเทศ)
10.05 น. ออกเดินทางสู่ เมืองลาซา เขตปกครองตนเองทิเบต โดยเที่ยวบินที่ 8L9643 (ไม่มีบริการอาหารบนเครื่อง)
12.30 น. เดินทางถึง สนามบินลาซาก้งก๋า ของเขตปกครองตนเองทิเบต ตัวสนามบินตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 3,570 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งอยู่สูงเป็นอันดับที่ 12 ของโลก
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้น นำทุกท่านเข้าสู่ที่พัก อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย เตรียมความพร้อมของร่างกายสำหรับท่องเที่ยวในโปรแกรมวันถัดไป เนื่องจากทิเบตตั้งอยู่บนพื้นที่ราบสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 3,500 – 5,000 เมตร ซึ่งภาวะออกซิเจนจะเบาบางกว่าพื้นที่ราบ อาจจะก่อให้เกิดอาการป่วยสำหรับบางคนได้ เรียกว่า ภาวะแพ้ที่สูง (Altitude Sickness) จึงควรพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อปรับสภาพร่างกายให้คุ้นชินกับระดับความสูง
เย็น บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
จากนั้น พักที่ TANGKA HOTEL หรือระดับเทียบเท่า
วันที่ 3 เขาเหย้าหวังซาน – พระราชวังโปตาลา – วัดเซรา – วัดโจคัง – ตลาดบาเคอร์
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้น นำท่านเดินทางไปยังหน้าผาพระ 1,000 องค์ เขาเหย้าหวังซาน (Yao Wang Shan) ชมงานแกะสลักรูปพระโพธิสัตว์ และพระศากยมุนีที่มีอายุกว่า 1,300 ปี ที่งดงามและทรงคุณค่า นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นสถานที่สำหรับถ่ายภาพพระราชวังโปตาลาที่สวยงาม
เยือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนทิเบต พระราชวังโปตาลา (Potala Palace) ตั้งอยู่บนยอดเขามาร์โปรี (เขาแดง) ในหุบเขาของเมืองลาซา โดยคำว่า “โปตาลา” มาจากภาษาอินเดียโบราณ หมายถึง “ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม”
นับเป็นภาพที่คุ้นตาของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก เมื่อนึกถึงทิเบตกับภาพพระราชวังโบราณบนยอดเขา อาคาร 13 ชั้น ที่มีห้องต่างๆ เกือบ 1,000 ห้อง และมีเสาค้ำยันอยู่กว่า 15,000 ต้น ซึ่งองค์ทะไลลามะทรงมีพระบัญชาให้สร้างวังในลักษณะของวังซ้อนวัง พระราชวังชั้นนอก เรียกว่า “วังขาว” เพราะทาสีขาว เป็นอาคารสูง 7 ชั้น ใช้เป็นสถานที่ทรงงานดูแลบริหารบ้านเมืองและศาสนา พระราชวังชั้นใน เรียกว่า “วังแดง” ได้ชื่อตามผนังที่ทาสีแดง สร้างภายหลังวังขาวเกือบ 50 ปี แบ่งออกเป็น 6 ชั้น ใช้ประดิษฐานองค์สถูปของทะไลลามะ และเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา พระราชวังโปตาลาได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นแหล่งมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ในปี 1994 อีกหนึ่งสิ่งที่จะได้พบเห็นคนทิเบตกำลังมุ่งมั่นกับการกราบแบบ “อัษฎางค์ประดิษฐ์” อยู่ทุกหนแห่ง โดยการเดิน 3 ก้าว แล้วก้มลงกราบกับพื้นไหว้ทีหนึ่ง เป็นวิธีการของชาวทิเบตที่จะจารึกแสวงบุญอันยิ่งใหญ่ ถือเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดกันมา
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้น นำท่านเดินทางต่อไปยัง วัดเซรา (Sera Monastery) วัดศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในสามของพุทธศาสนาวัชรยานนิกายเกลุก สถาปัตยกรรมของวัดนี้มีความเป็นเอกลักษณ์ มีศาลาทองคำที่สวยงามและขนาดใหญ่ ในวัดมีการบูชารูปพระพุทธที่มีค่ามากมาย รวมถึงหนังสือพระไตรปิฎกที่มากมาย ภาพวาดทังกาที่สวยงาม งานปักผ้า และภาพวาดบนผนังที่เป็นศิลปะที่มีค่า ไม่ว่าจะเป็นการสักการะหรือชมก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และชมความสวยงามของ วัดโจคัง (Jokhang Temple) ถือได้ว่าเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของดินแดนหลังคาโลก เป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นจุดหมายปลายทางการจาริกแสวงบุญของชาวทิเบต สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 พร้อมกับพระราชวังโปตาลา โดยกษัตริย์ซองเซินกัมโปที่รับศาสนาพุทธเข้าสู่ทิเบต สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐาน พระพุทธรูปทองคำ ที่องค์หญิงเหวินเฉิงทรงอาราธนามายังทิเบต
อิสระเดินเที่ยว ถนนแปดเหลี่ยม หรือ ตลาดบาเคอร์ (Barkhor Street) ถนนที่อยู่รอบวัดโจคัง ชาวทิเบตมีความเชื่อว่า ถนนแปดเหลี่ยมนี้เป็นเส้นทางจงกรมจากชาตินี้สู่ชาติหน้าได้ ตลาดบาเคอร์เป็นตลาดทิเบตที่ใหญ่ที่สุดของเมืองลาซา โดยมีความยาว 800 เมตร สามารถพบเห็นการดำเนินชีวิตของชาวทิเบตได้ และเลือกซื้อของที่ระลึกมากมาย งานฝีมือต่างๆ ที่ชาวทิเบตนำมาวางขายรายรอบถนนสายนี้ นอกจากนี้ ยังมีร้านค้าต่างๆ ที่เป็นของชาวเนปาลและชาวอินเดียด้วย
เย็น บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
จากนั้น พักที่ TANGKA HOTEL หรือระดับเทียบเท่า
วันที่ 4 เมืองเจียนเซ่ – ทะเลสาบยัมดรก – เมืองซิกัตเซ่ – ธารน้ำแข็งคาโนลา – อารามเพลกอร์โชเด
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้น ออกเดินทางสู่ เมืองเจียนเซ่ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง) เมืองที่เป็นที่ตั้งของ 1 ใน 4 ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ของชาวทิเบต อยู่ห่างจากกรุงลาซาประมาณ 100 กิโลเมตร ระหว่างเดินทางจะผ่านวิวธรรมชาติอันหลากหลายของประเทศจีน บางช่วงรถจะแล่นผ่านช่องแคบที่สูงเกือบ 5,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล และต้องลัดเลาะไปตามไหล่เขา บางช่วงรถต้องวิ่งข้ามแม่น้ำสายกว้างที่ชื่อ “ยาร์ลุง ซังโป” หรือที่คนไทยเราคุ้นเคยกันในชื่อ “แม่น้ำพรหมบุตร”
นำท่านเก็บภาพความประทับใจหนึ่งใน ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ของชาวทิเบต ทะเลสาบยัมดรก (Yamdrok Lake) เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในทิเบต ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาที่ถูกปกคุลมไปด้วยหิมะ และลำธารที่แยกย่อยออกไปหลายสาย ยามทะเลสาบต้องกับแสงแดดที่สาดลงมา ผืนน้ำสีเทอควอยซ์ก็จะเปล่งประกายสวยงาม สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือน จนได้รับการขนานนามาว่า “อัญมณีแห่งทิเบต”
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้น ออกเดินทางสู่ เมืองชิกัตเซ่ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง) เมืองใหญ่อันดับสองของทิเบต เปรียบเสมือนประตูหน้าด่านบนเส้นทางสายมิตรภาพระหว่างจีนกับเนปาล ซึ่งเชื่อมต่อเข้าสู่ EVEREST BASE CAMP (EBC) ได้อย่างสะดวกสบาย ภาพวิวทิวทัศน์ตลอดเส้นทางสวยงามเป็นที่สุดเกินกว่าจะบรรยายได้ ระหว่างทางแวะชมความงามของ ธารน้ำแข็งคาโนลา (Kanora Gracie) ที่ระดับความสูง 5,036 เมตร ธารน้ำแข็งสีขาวสะอาดตาทอดตัวพาดผ่านกำแพงภูเขาขนาดใหญ่
เยือนอารามศักดิ์สิทธิ์ อารามเพลกอร์โชเด (Pelkor Chode Monastery) ตั้งอยู่ในดินแดนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ดินแดนแห่งผู้พิทักษ์” ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมฮั่น ทิเบต และเนปาล รวมถึงมีการผสมผสานทั้งเจดีย์และวัดไว้ด้วยกัน เรียกได้ว่า “ในวัดมีเจดีย์ ในเจดีย์มีวัด”
สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นที่สุดในอารามแห่งนี้คือ เจดีย์คุมบุม (Gyantse Kumbum) มีลักษณะเป็นสถูปเจดีย์สูง 9 ชั้น มีประตู 108 บาน จากทั้งหมด 9 ชั้น 5 ชั้นแรกมีลักษณะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ส่วนชั้นที่เหลือด้านบนจะเป็นทรงกลม นอกจากนี้ ยังได้รับการขนานนามว่า “เจดีย์หมื่นองค์” เนื่องจากมีพระพุทธรูปประมาณหมื่นองค์ประดิษฐานเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนัง ถัดไปเป็นวัดหลักของอารามแห่งนี้ ซุกละคัง (Tsuklakhang) อาคาร 3 ชั้นที่มีภาพฝาผนังที่วิจิตรงดงาม และได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ชั้นล่างมีรูปปั้นสี่กษัตริย์ผู้พิทักษ์เป็นที่รู้จักในภาษาทิเบตในชื่อ “โชมเชน”
เย็น บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก พักที่ TANGKA HOTEL หรือระดับเทียบเท่า
วันที่ 5 วัดจาสือหลุนปู้ – เมืองลาซา – พระราชวังโนร์บูลิงกา (พระราชวังฤดูร้อน) – พิพิธภัณฑ์ทิเบต
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้น ชมความสวยงามของ วัดจาสือหลุนปู้ (Tashilunpo Monastery) อารามใหญ่ประจำเมืองที่ถือเป็น 1 ใน 4 ศาสนสถานสำคัญของทิเบต สถานที่ประทับขององค์ปานเชนลามะ วิหารที่สำคัญที่สุดของอารามคือ วิหารเมตไตรย สร้างขึ้นในปี 1914 ภายในประดิษฐานพระเมตไตรยหล่อขึ้นจากทองคำสูง 26 เมตร ซึ่งเป็นองค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้เวลาในการก่อสร้างนาน 4 ปี บรรยากาศในวัดคึกคักดูไม่เงียบเหงา นอกจากมีพระลามะจับกลุ่มเดินไปมาแล้ว ยังมีผู้ศรัทธาในพระศาสนาเดินเข้าออกเพื่อไปสักการะบูชาพระพุทธรูปที่อยู่ตามหอสวดมนต์ต่างๆ ซึ่งเป็นภาพที่จะได้พบโดยทั่วไปภายในอารามแห่งนี้
ออกเดินทางสู่ เมืองลาซา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง)
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้น ชมความสวยงามของ พระราชวังโนร์บูลิงกา (Norbulingka Palace)พระราชวังฤดูร้อนที่คู่กันกับพระราชวังฤดูหนาวโปตาลา ล้อมรอบไปด้วยอุทยานขนาดใหญ่ สร้างโดยยองค์ทะไลลามะ องค์ที่ 7 และทะไลลามะองค์อื่นสร้างต่อกันมาเรื่อยๆ จนสมบูรณ์สวยงาม ได้รับแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกในปี 2001 ชมบัลลังก์เทวราชและงานจิตรกรรมฝาผนังที่วิจิตรงดงาม จุดเด่นที่ผู้มาเยือนรู้จักพระราชวังฤดูร้อนแห่งนี้ดีคือ “ตำหนักคัมซัม ซินอน” สร้างโดยทะไลลามะองค์ที่ 8 นอกจากนี้ ยังให้สร้างลานแสดงธรรม พร้อมทั้งให้ขุดลอกสระน้ำเป็นบึงใหญ่ พร้อมสร้างวังกลางบึงและสะพานเชื่อมขึ้นทั้งสองด้าน จนเป็นอีกหนึ่งทัศนียภาพอันงดงามของพระราชวัง และนำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์ทิเบต สถานที่ซึ่งบอกเล่าความเป็นมาของชาวทิเบต ด้านในมีจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเส้นแบ่งเขต และจัดแสดงการเกิดขึ้นของทิเบต
เย็น บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก พักที่ SCBBRY HOTEL หรือระดับเทียบเท่า
วันที่ 6 สนามบินลาซาก่งก๋า (เที่ยวบินภายใน) – สนามบินเฉิงตูเทียนฟู่ – เมืองเฉิงตู – ถนนโบราณจินหลี่
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้น ให้ทุกท่าน อิสระผักผ่อนตามอัธยาศัย เพื่อรอเวลานัดหมายเดินทางไปยังสนามบิน
ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน (เที่ยวบินภายในประเทศ)
กลางวัน บริการอาหารกลางวันแบบ BOXSET
13.35 น. ออกเดินทางสู่ เมืองเฉิงตู ประเทศจีน โดยเที่ยวบินที่ 8L9644 (ไม่มีบริการอาหารบนเครื่อง)
15.40 น. เดินทางถึง สนามบินเฉิงตูเทียนฟู่
จากนั้น ฃซึมซับบรรยากาศ ถนนโบราณจินหลี เป็นถนนคนเดินอยู่ติดกับศาลเจ้าสามก๊ก หรือศาลเจ้าขงเบ้ง (จูกัดเหลียง) มีสินค้าให้ช้อปปิ้งได้ทั้งของรับประทานและของฝากของที่ระลึก หากกำลังมองหาของที่ระลึกที่มีสัญลักษณ์ของเมืองเฉิงตู อาทิ หมีแพนด้า ตุ๊กตาเปลี่ยนหน้ากาก ชา ผ้าไหม และยาสมุนไพรต่างๆ ก็สามารถมาเก็บครบรวดเดียวได้ที่นี่
เย็น บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก พักที่ SERENGETI HOTEL หรือระดับเทียบเท่า
วันที่ 7 ถนนไท่กู๋หลี่ – วัดต้าฉือ – หมีแพนด้ายักษ์ปีนตึก IFS – ถนนคนเดินชุนซี่ลู่ – สนามบินเฉิงตูเทียนฟู่ – สนามบินสุวรรณภูมิ
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ ถนนไท่กู๋หลี นำท่านสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วัดต้าฉือ วัดเก่าแก่ที่มีอายุยาวนานกว่า 1,600 ปี ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในย่านที่คึกคักที่สุดของเฉิงตู รอบๆ วัดเป็นตึกสูง และมีห้างสรรพสินค้ารายล้อมมากมาย แต่ภายในวัดบรรยากาศดีให้ความรู้สึกสงบร่มรื่น และอิสระช้อปปิ้ง ถนนคนเดินซุนซีลู่ แหล่งช้อปชื่อดังของเมืองเฉิงตู ช้อปปิ้งแบรนด์เนม สินค้าพื้นเมือง และขนมท้องถิ่น ฯลฯ ตามอัธยาศัย นอกจากนี้ยังมี หมีแพนด้ายักษ์ปีนตึก เจ้าแพนด้าอ้วนน่ารักกำลังป่ายปีนตึก IFS BUILDING เป็นประติมากรรมแพนด้ายักษ์ที่แขวนอยู่บนอาคารใจกลางเมือง
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
17.10 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบินที่ 8L811 (ไม่มีบริการอาหารบนเครื่อง)
19.10 น. เดินทางถึง กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม
