โคลอสเซียม สนามสังเวียนนักสู้ที่มีความสำคัญ แห่งประวัติศาสตร์ยุคโรมัน

โคลอสเซียม สนามสังเวียนนักสู้ที่มีความสำคัญ แห่งประวัติศาสตร์ยุคโรมัน

วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มหัศจรรย์ของโลก นั้นก็คือ โคลอสเซียม (Colosseum)นั้นเอง ซึ่งเป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่ใหญ่โต แอนด์มโหฬารที่สุด ในสมัยโบราณค่า สร้างขึ้นในปี ค.ศ.72 โดยจักรพรรดิเวสปาเซียน มีรูปทรงโค้งเป็นวงกลม ก่อสร้างด้วยอิฐและหินขนาดใหญ่ ขนาดวัดโดยรอบ ยาว 527 เมตร สูง 57 เมตร มี 4 ชั้น จุคนได้ถึง 80,000 คน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของกรุงโรม ประเทศอิตาลี นับว่าเป็นสนามกีฬากลางแจ้งโบราณขนาดใหญ่ยักษ์ ใจกลางเมือง ที่ใช้เป็นสนามประลองอันทรงเกียรติที่โหดเหี้ยม

เดิมทีพื้นที่แห่งนี้ เป็นที่ตั้งของพระราชวังของจักรพรรดิเนโร (Nero) ซึ่งพระองค์ทรงยึดมาจากที่ดินของประชาชน จนกระทั้งจักพรรดิเนโร ได้สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 68 หลังจากนั้น เกิดการแย่งชิงพระราชบัลลังก์อยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งจักรพรรดิเวสปาเซียนได้รับชัยชนะ และขึ้นครองราชย์ พระองค์มีความประสงค์จะเรียกความนิยมจากชาวโรมัน จึงสั่งรื้อพระราชวังเดิมของจักรพรรดิเนโรออก แล้วสร้างเป็นสนามกีฬา เพื่อใช้เป็นศูนย์รวมการแสดง และการแข่งขันกีฬาในยุคนั้น

แต่แล้วการก่อสร้าง โคลอสเซียม ก็ไม่ทันเสร็จในสมัยจักรพรรดิเวสปาเซียน พระองค์ก็สิ้นพระชนม์ไปเสียก่อน จึงตกเป็นหน้าที่สานต่อของพระจักรพรรดิติตุส พระโอรส ในเวลาต่อมาพระจักรพรรดิติตุสก็มาสิ้นพระชนม์ไปอีก แต่ในที่สุดงานก่อสร้างก็สมบูรณ์ ในสมัยพระจักรพรรดิโดมิเทียน พระอนุชานั้นเอง

โคลอสเซียม ประวัติ

หากเทียบกับความยิ่งใหญ่และอลังการของลานประลองแห่งนี้แล้ว เชื่อว่าหลายๆ คนจะต้องประหลาดใจกับโคลอสเซียมอันยิ่งใหญ่และน่าอัศจรรย์แห่งนี้ เพราะวัสดุที่สำคัญในการก่อสร้าง  ประกอบไปด้วย เสาหลักซึ่งสร้างด้วยหินปูนแกร่ง ในขณะที่เสาทั่วไปนั้นสร้างด้วยหินปูนชนิดพรุนและอิฐ พื้นและกำแพงสร้างด้วยกระเบื้อง และเพดานทรงโค้งภายในอาคารสร้างด้วยซีเมนต์ ต่าง  จากการใช้วัสดุผสมในงานก่อสร้างจึงทำให้ โคลอสเซียม มีความทนทานสูงและแข็งแรงมาก นอกจากจะเป็นสถาปัตยกรรมที่มหึมาอายุกว่า 1,900 ปี ทำให้นักประวัติศาสตร์ต้องอึ่งในความสามารถในผู้คนสมัยนั้น ที่ใช้เวลาสร้างเพียง 10 ปีเท่านั้น ด้วยความยิ่งใหญ่จึงมีประตูทางเข้าทางเข้ามากกว่า 80 แห่ง

โคลอสเซียมเป็นสิ่งก่อสร้างจากยุคโรมันโบราณที่ได้รับการออกออกแบบอย่างชาญฉลาด โดยมีลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลมเพื่อที่ผู้ชมจะได้ใกล้ชิดกับนักกีฬา ไม่เพียงเท่านั้น สนามประลองแห่งนี้ยังมีทางระบายน้ำที่ดีเยี่ยม ที่สามารถป้องกันไม่ให้น้ำขังในสนามหากเกิดฝนตก ซึ่งเป็นต้นแบบของการออกแบบสนามกีฬาอื่นๆ ในปัจจุบันด้วย และเนื่องจากเคยเป็นสนามประลองมาก่อน โคลอสเซียมจึงมีบริเวณใต้ดินที่มีห้องคุมขังนักโทษหลายร้อยห้อง รวมถึงมีกรงสำหรับใช้ขังสัตว์ป่าดุร้ายที่ไว้ใช้สำหรับการประลอง การต่อสู้ อีกหลายร้อยกรงอีกด้วย

นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโรมในปัจจุบันแล้ว ในอดีตก็จัดได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยโรมันอีกด้วย โดยเริ่มแรกนั้นวัตถุประสงค์สำหรับการใช้งานคือ สร้างขึ้นสำหรับการประลองฝีมือของเหล่ากลาดิเอเตอร์ หรือการประลองของกษัตริย์ใหม่ที่ต้องการแสดงฝีมือและอำนาจ รวมไปถึงการที่รับโทษที่รอวันประหารชีวิตหรือนักโทษที่ถูกคุมขัง ที่ขอประลองเพื่อแลกกับอิสรภาพ โดยการประลองนั้นก็มีทั้งประลองกับกลาดิเอเตอร์ผู้แข็งแกร่ง จนไปถึงการประลองกับสัตว์ป่าที่ดุร้ายต่างๆ ซึ่งช่วงหนึ่งที่การประลองเป็นที่นิยมของผู้เข้าชม จนทำให้สัตว์บางชนิดจากหลายๆ ประเทศเกือบสูญพันธ์กันเลยที่เดียว โดยการประลองนั้นผู้ชนะนอกจากจะได้รับอิสรภาพแล้วยังได้รับชื่อเสียงและทรัพย์สินมากมายตามมาอีกด้วย  และผลจากการขอประลองเพื่อเรียกร้องอิสระภาพนั้นจึงได้ลามไปถึงการเปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้ามาประลองเพื่อยกระดับฐานะด้วย เป็นการประลองที่จะชี้ชะตาชีวิตว่า หากเอาชนะได้ก็เหมือนได้พลิกชีวิตให้มั่งคั่งและมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ถ้าแพ้นั่นอาจหมายถึงการไม่มีชีวิตรอดกันเลยทีเดียว

แม้ว่าในอดีต โคลอสเซียมแห่งนี้จะถูกใช้เป็นสนามประลองฝีมือ หรือเป็นสังเวียนเลือดที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน และเพื่อให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมไปจนถึงลานประหารชีวิต แต่ในปัจจุบันที่แห่งนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านโทษประหารชีวิต โดย โคลอสเซียมจะมีไฟสีเหลืองส่องสว่างทุกครั้งเมื่อมีการกลับการตัดสินหรือยกเลิกโทษประหารชีวิตจากที่ใดของโลกก็ตาม และในปี ค.ศ 2007 จากผลของการลงคะแนนทั่วโลกจากทั้งทางอินเตอร์เน็ตและมือถือนั้น ทำให้ โคลอสเซียมแห่งนี้ได้รับการคัดเลือกจากองค์กร New 7 Wonders ให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่อีกด้วย

สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว โคลอสเซียม

โคลอสเซียม ความสำคัญ

หากท่านใดที่ต้องการเที่ยวอย่างคุ้มค่า นักท่องเที่ยวสามารถชำระเงินเพื่อใช้บริการนำเที่ยวเมื่อเข้าสู่บริเวณภายในแล้ว และยังสามารถเช่าอุปกรณ์ให้เสียงบรรยายได้ด้วย โดยในคอลอสเซียมนั้นมีสิ่งต่างๆ ที่ให้ชมมากมากมาย และมีหัวใจสำคัญคือไฮโปเจียม (Hypogeum) ซึ่งเป็นชั้นใต้ดิน

อัตราค่าเข้าชม : ตั๋วเข้าชมแบบไม่มีไกด์ราคา 16 ยูโร แบบมีไกด์ราคา 17 ยูโร (หากนักท่องเที่ยววางแผนล่วงหน้าและซื้อตั๋วที่รวมการเข้าชมโคลอสเซียม โรมันฟอรัม และเนินเขาปาลาทีนไว้ด้วยกัน จะสามารถเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องรอคิวยาวๆ )

เวลาทำการ

เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้บริการทุกวัน โดยจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8.30 น. ไปจนถึงเวลา 19.00 น.


เรียบเรียงโดย นางสาวสุพรรณี บัวแย้ม

นักศึกษาฝึกงานระดับปริญญาตรี คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ

ขอบคุณภาพจาก shutterstock

ขอบคุณทุกๆท่านที่ให้ความสนใจเข้ามาอ่านอย่างมากครับ

หากชอบบทความ หรือเห็นว่าเป็นประโยชน์ สามารถกดแชร์ ให้เพื่อนๆได้อ่านต่อด้วยนะครับ

สามารถติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/greenlandholiday

หากสนใจเดินทางท่องเที่ยว หรือขอคำปรึกษาเกี่ยวกับทัวร์ต่างประเทศกรุณาติดต่อ

โทร. 022949742

greenlandtour@hotmail.com

Line id : @greenlandtour

www.greenlandholidaytour.com